ยุคนี้มองไปทางไหน ก็เจอพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์กันเยอะแยะ เพราะในปัจจุบัน การขายของออนไลน์กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Shopee และ Lazada ที่มีผู้ใช้จำนวนมาก เพราะทั้งสะดวกและสินค้าให้เลือกมากมาย อีกทั้งค่าจัดส่งยังสมเหตุสมผล ไม่มีค่าธรรมเนียม สำหรับใครที่สนใจอยากเปิดขายของ Shopee หรือขายของใน Lazada แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง? มาดูไปพร้อมกัน
ชวนรู้จัก Shopee Lazada Marketplace Platform ยอดฮิต
Shopee และ Lazada ถือเป็นสองแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์ที่มีผู้ใช้จำนวนมากและเป็นที่รู้จักในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยฟีเจอร์ที่หลากหลายและการสนับสนุนจากทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ทำให้ทั้งสองแพลตฟอร์มนี้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการซื้อขายสินค้าออนไลน์ สำหรับความแตกต่างของการลงขายของ Shopee และขายของใน Lazada มีข้อแตกต่างกันดังนี้
- Shopee: มุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สนุกสนาน โดยมีฟีเจอร์เกมมิ่งและโปรโมชั่นต่างๆ ที่ดึงดูดลูกค้า เช่น การสะสมคะแนน, การจัดกิจกรรม Flash Sale และโปรโมชั่นพิเศษในวันหยุด
- Lazada: เน้นไปที่การให้บริการที่มีคุณภาพสูง โดยมีระบบจัดส่งที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ รวมถึงการเสนอสินค้าหลากหลายประเภทจากแบรนด์ชั้นนำ
วิธีเริ่มต้นขายของใน Lazada และ Shopee
วิธีเริ่มต้นขายของใน Lazada และ Shopee ขายของสำหรับมือใหม่ ช่วยให้คุณเข้าใจครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเปิดร้านจนถึงการจัดส่ง สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจบนแพลตฟอร์ม E-Commerce ด้วยตัวเองง่าย ๆ หากคุณเป็นแม่ค้าออนไลน์ที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจของคุณในสองแพลตฟอร์มนี้ นี่คือขั้นตอนที่ทุกคนควรรู้
1. ลงทะเบียน
เริ่มต้นด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Lazada หรือ Shopee หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ เพื่อทำการสมัครสมาชิกโดยกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ จากนั้นให้เราไปที่เมนู “เริ่มขาย” หรือ “Seller Center” เพื่อเปิดร้านค้าออนไลน์ของคุณ พร้อมตั้งชื่อของร้านค้าและเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับร้านค้า (Shop) ให้น่าสนใจ รวมถึงผูกบัญชีธนาคารเข้ากับร้านค้าของตัวเอง ก็เป็นอันเสร็จสิ้นในการลงทะเบียน
2. ลงสินค้า
เมื่อเราลงทะเบียนการเปิดร้านค้าเรียบร้อยแล้ว มาถึงขั้นตอนต่อไป คือการลงสินค้าเพื่อขายของ Shopee และ Lazada เริ่มต้นจากการใช้ภาพถ่ายที่ชัดเจนและมีคุณภาพสูง เพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งเราควรถ่ายภาพหลายมุมเพื่อให้ลูกค้าเห็นรายละเอียดสินค้า จากนั้นกรอกรายละเอียดสินค้า ไม่ว่าจะเป็นชื่อสินค้า, หมวดหมู่, ราคา, จำนวนในสต๊อก และรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า เช่น ขนาด, สี, และวัสดุ เป็นต้น
อย่าลืมการตั้งค่าการจัดส่ง เช่น Standard Delivery หรือ Express Delivery โดยต้องกรอกข้อมูลน้ำหนักและขนาดของพัสดุ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกประเภทการจัดส่งและราคาที่เหมาะสมกับสินค้าได้
3. ทำการโปรโมท
การทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เราสามารถเข้าร่วมแคมเปญขายของใน Lazada และ Shopee ซึ่งทั้งสองแพลตฟอร์มนี้จะมีฟีเจอร์โปรโมชั่นที่ช่วยดึงดูดลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น โค้ดส่วนลด 7.7 หรือการจัดส่งฟรี จะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าที่มีราคาตอบโจทย์มากขึ้น นอกจากนี้ การสร้างคอนเทนต์ใน Social Media หรือการ Live สินค้า ก็จะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี
เปิดข้อดี-ข้อเสียของการลงขายของ shopee
- การแข่งขันสูง : ด้วยจำนวนผู้ขายที่มากมาย การแข่งขันในการตั้งราคาและคุณภาพสินค้าจึงสูงมาก ผู้ขายใหม่อาจพบว่าการแย่งชิงลูกค้าเป็นเรื่องยาก ค่าธรรมเนียมการขาย แม้ว่าจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการเปิดร้าน แต่ผู้ขายต้องจ่าย
- ค่าธรรมเนียมในการขาย : ซึ่งอาจอยู่ที่ประมาณ 3-5% ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมการชำระเงินเพิ่มเติมอีกด้วย
- ต้องเข้าร่วมโปรโมชั่น : เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ผู้ขายมักจะต้องเข้าร่วมโปรโมชั่นต่างๆ ที่ Shopee จัดขึ้น ซึ่งอาจทำให้กำไรลดลง เนื่องจากต้องลดราคาสินค้าเพื่อดึงดูดลูกค้า
- สร้างแบรนด์ได้ยาก : เนื่องจากลูกค้าจำร้านค้าได้ยาก เพราะมีสินค้าหลายร้านที่คล้ายกัน ทำให้ผู้ขายไม่สามารถสร้างแบรนด์หรือความภักดีจากลูกค้าได้ง่ายนัก
- ความเสี่ยงจากนโยบายของ Shopee : นโยบายและค่าธรรมเนียมของ Shopee อาจมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายและกำไรของผู้ขายในระยะยาว
ขายของใน Market Place Platform เสียค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง
ค่าธรรมเนียม (Commission Fee) การขายของ Shopee จะอยู่ที่ประมาณ 3-5% ของยอดขาย ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าที่ขาย โดยค่าธรรมเนียมนี้จะถูกหักจากยอดขาย ก่อนที่ระบบจะโอนเงินให้ผู้ขาย ในส่วนของการขายของใน Lazada มีค่าธรรมเนียมการขายที่แตกต่างกันไปตามหมวดหมู่สินค้า โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 1-5%
สำหรับค่าธรรมเนียมการชำระเงิน (Payment Processing Fee) ของทั้งสองแพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada จะขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น โดยอัตราค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันไปตามวิธีการชำระเงิน เช่น บัตรเครดิต, โอนเงินผ่านธนาคาร หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมการจัดส่ง (Shipping Fee) สำหรับ Shopee หากมีโปรโมชั่นจัดส่งฟรีในบางกรณี แต่หากไม่มีโปรโมชั่น ค่าจัดส่งจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักและขนาดของพัสดุ ในส่วนของ Lazada จะมีบริการจัดส่งที่เรียกว่า Lazada Express ซึ่งมีค่าจัดส่งตามน้ำหนักและระยะทาง โดยผู้ขายสามารถเลือกที่จะรับผิดชอบค่าจัดส่งหรือให้ลูกค้าเป็นผู้จ่าย
สรุป
การขายของผ่านแพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada มีข้อดีด้านความปลอดภัยในการทำธุรกรรม เนื่องจากระบบจะจัดการเรื่องการชำระเงินให้โดยอัตโนมัติ ผู้ขายไม่ต้องกังวลเรื่องการตรวจสอบสลิปโอนเงินหรือการถูกโกง เพราะเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีหลังจากลูกค้าได้รับสินค้าและยืนยันการรับสินค้าเรียบร้อยแล้ว
สำหรับร้านค้าออนไลน์หรือพ่อค้าแม่ค้าที่รับการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารโดยตรง ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับการตรวจสอบการโอนเงิน โดยเฉพาะปัญหาสลิปปลอมที่อาจทำให้สูญเสียรายได้ แนะนำให้ใช้บริการตรวจสลิปโอนเงินจาก Thunder Solution ซึ่งเป็นบริการ API ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของสลิปโอนเงิน ช่วยให้การทำธุรกิจออนไลน์ปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการถูกโกง
แท็ก:
หมวดหมู่: บทความ
บทความที่เกี่ยวข้อง
รวมวิธีการจดทะเบียน Vat สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่
ผู้ประกอบการมือใหม่ฟังทางนี้ มาดูขั้นตอนการจดทะเบียน Vat และบอกรายละเอียดต่าง ๆ ที่ต้องรู้ การจดภาษีมูลค่าเพิ่มใช้เอกสารอะไรบ้าง คุณสามารถหาคำตอบได้ที่นี่Read more
เรียนรู้เรื่องภาษีผู้ประกอบการ ต้องจ่ายภาษีอะไรบ้าง
เปิดคัมภีร์ผู้ประกอบการ 101 ภาษีผู้ประกอบการที่ต้องจ่าย มีอะไรบ้าง แนะนำคู่มือภาษีที่ทุกควรรู้ พร้อมแนวทางการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ประกอบการทุกคนRead more
เปิด 4 วิธีหาไอเดียทำธุรกิจ เพื่อเป็นนายตัวเอง
อยากเป็นเจ้านายตัวเอง (Self Employee) ทำไงดี? รวม 4 วิธีหาไอเดียทำธุรกิจ สำหรับคนอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เหมาะมากสำหรับนักลงทุนมือใหม่Read more